เมื่อถามตัวเองว่า อยากทำอะไร คำตอบที่ก้องอยู่ในใจก็คือ “อยากเป็นนายตัวเอง” เลยเริ่มวางแพลนจะทำธุรกิจขายของ แต่ปัญหาที่ทำให้เสียเวลาไม่ได้เริ่มต้นทำธุรกิจซักทีก็คือ “ไม่รู้จะขายอะไรดี” นี่ล่ะ เพื่อให้ทุกคนได้ขายของรุ่ง กำไรเพิ่มพูน และลูกค้าหลั่งไหลกันแวะเวียนเข้ามาอุดหนุน บทความนี้เลยขอชวนมาดู x วิธีเลือกของให้ได้ตรงตามความต้องการตลาดกัน
หา Pain Point ของลูกค้า
บางคนอาจจะไม่ได้เริ่มจากการกำหนดกลุ่มเป้าหมายและตลาดแล้วคิดขายอะไรดี แต่เริ่มจาก ‘ตัวเอง’ ดูความต้องการว่า เราต้องการอะไรและปัจจุบันยังมีสิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการเหล่านั้นไม่ดีพอ หรืออาจจะไม่มีเลยก็ได้ เช่น ไม้แคะหูมีมานานมากและหลากหลายรูปแบบ แต่ก็ยังไม่สามารถตอบโจทย์เรื่องการมองเห็นขณะทำความสะอาด จนปัจจุบันมีไม้แคะหูติดกล้องและไฟในตัวให้ทำความสะอาดได้ดีขึ้น เป็นต้น เพราะงั้นถ้าหา Pain Point ของลูกค้าซักคนเจอก็อาจทำให้ของที่เคยมีมานานเป็นของพิเศษที่แตกต่างจากแบรนด์หรือร้านอื่นได้เหมือนกัน
ตามติดชีวิตคนรักงานอดิเรก
แม้งานอดิเรกเฉพาะกลุ่มจะเป็นตลาดสาย Niche ที่อาจต้องใช้เวลาในการศึกษามาก แต่ย่อมเป็นที่ต้องการของตลาดแน่นอน (และคนกลุ่มนี้ก็มักจะมีกำลังซื้อด้วย) หนึ่งในวิธีหาคำตอบ “ขายอะไรดี” คือ ตามติดชีวิตคนรักงานอดิเรก แล้วปรับให้มีความแตกต่างมากขึ้นหรือตอบโจทย์ในสิ่งที่พวกเขายังไม่มี เช่น ที่ครอบฟันเวลาต่อยมวยลวดลายต่างๆ, แฮนด์แบนด์ถนอมมือ สำหรับคนรักการตีกอล์ฟ เป็นต้น
ลองออกวิ่งตามเทรนด์บ้างก็ได้
เรามักจะคุ้นเคยกับคำเตือน “อย่าวิ่งตามกระแส” เวลามองหาว่าจะขายอะไรดี เพราะกว่าจะพัฒนาสินค้าและทำการตลาด เทรนด์เหล่านั้นก็อาจหายไปแล้วก็ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เทรนด์ทุกแบบจะหายไปอย่าวรวดเร็วซะเมื่อไหร่ เพราะคำว่า ‘เทรนด์’ ไม่ใช่คำว่า ‘แฟชั่น’ จำเป็นต้องแยกให้ออก อย่าง เทรนด์รักสุขภาพ ถึงจะเรียกกันว่า เทรนด์ แต่ก็เข้ามาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจากวันนั้นในอดีตถึงปัจจุบัน เพราะงั้นใครจะเริ่มหาของมาขายจากเทรนด์ที่เปลี่ยนไปก็ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกแต่อย่างใด
พัฒนาสินค้าจากการเสิร์ชคีย์เวิร์ด
ด้วยความที่ตลาดสำคัญของหลากหลายธุรกิจเปลี่ยนมาเป็นตลาดออนไลน์กันเกือบหมด เพราะลูกค้าเปลี่ยนพฤติกรรมจากการเดินไปทดลองสินค้าด้วยตัวเองมาเป็นเสิร์ชหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตก่อนซื้อหรือไม่ก็เลือกซื้อในแพลตฟอร์มบนอินเทอร์เน็ตทีเดียวซะเลย พวกข้อมูลที่ลูกค้าเสิร์ชหาตามคีย์เวิร์ดต่างๆ เลยถูกเก็บเป็นข้อมูลสำคัญที่มีประโยชน์มากพอจะหยิบไปพัฒนาสินค้าหรือหาคำตอบขายอะไรดี เช่น หาข้อมูลบน Google Trends เป็นต้น
อ่านบทความหรือรีวิวของผู้บริโภค
หากนึกไอเดียเองไม่ออก บางครั้งอาจลองเริ่มหาคำตอบขายอะไรดีจากการดูความคิดเห็นของลูกค้าบ้างก็ได้เหมือนกัน เช่น อ่านบทความของผู้บริโภค สัมภาษณ์ลูกค้า หรือ สำรวจรีวิวบนแพลตฟอร์มที่เปิดให้เห็นความคิดเห็นของลูกค้า เป็นต้น วิธีการนี้ไม่ใช่แค่ทำให้หาของมาขายได้ตรงใจลูกค้ามากขึ้น แต่ยังรู้จุดอ่อนของคู่แข่งให้พร้อมสู้เมื่อต้องลงสนามไปลุยตลาดได้ด้วย
ไอเดียในสมุดเล่มโปรดที่พกติดตัว
ไม่มีใครรู้หรอกว่า การเดินไปเรื่อยๆ บนท้องถนน หรือนอนไถฟีดโทรศัพท์มือถือคู่ใจของคุณจะเจออะไรบ้าง บางทีก็อาจเจอไอเดียขายอะไรดี โดยที่คุณไม่ทันได้คาดคิดก็เป็นได้ เพราะงั้นอย่าลืมพกสมุดเล่มโปรดติดตัวและจดไอเดียเก็บรวบรวมไว้เมื่อไปเจอไอเดียที่ทำให้คุณเห็นโอกาสในธุรกิจก่อนจะค่อยมานั่งระดมความคิดหาคำตอบว่า ควรขายอะไร หรือต่อยอดสินค้ายังไงให้แตกต่างจากคนอื่น
การเป็นนายตัวเอง ด้วยการเริ่มต้นทำธุรกิจขายของไม่ใช่เรื่องยาก แม้ใครต่อใครจะบอกว่า ทั้งตลาดออฟไลน์และออนไลน์ตอนนี้กลายเป็นทะเลแดงที่คนขายเหมือนกำลังจะล้นตลาดก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะไม่มีที่ว่างพอสำหรับคนขายอะไรดีที่แตกต่างและเข้าใจลูกค้าได้มากกว่า เพราะถ้าช่วงชิงพื้นที่ตรงนี้มาได้ก็สามารถพาธุรกิจไปได้อีกไกล แต่สำหรับใครที่มีแพลนอยากเริ่มธุรกิจ แต่งบยังไม่พอสามารถปรึกษาเรื่องของการเงิน กับ ผู้เชี่ยวชาญของ RABBIT CARE เพื่อหาสินเชื่อส่วนบุคคลที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ